เก็บเงินให้ลูกยังไงให้คุ้ม? ประกันสะสมทรัพย์ 2568 สร้าง "ทุนการศึกษา" พร้อม "ลดหย่อนภาษี" (ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว)

Last updated: 7 ธ.ค. 2568  |  48 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เก็บเงินให้ลูกยังไงให้คุ้ม? ประกันสะสมทรัพย์ 2568 สร้าง "ทุนการศึกษา" พร้อม "ลดหย่อนภาษี" (ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว)

เชื่อไหมครับว่า พ่อแม่หลายคนยอมจ่ายภาษีปีละหลายหมื่นบาทโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งที่เราสามารถเปลี่ยนเงินก้อนนั้นให้กลายเป็น "ทุนการศึกษาลูก" ได้!

เครื่องมือทางการเงินที่ทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุดคือ "ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์" (Endowment Insurance) ครับ เพราะมีความเสี่ยงต่ำการันตีเงินต้น และที่สำคัญคือสรรพากรให้สิทธิ์ ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท แต่เดี๋ยวก่อน! มีข้อควรระวังใหญ่หลวงที่พ่อแม่มักเข้าใจผิด คือ "ซื้อชื่อใคร ลดหย่อนได้?" วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเรื่องนี้กัน

กฎเหล็กต้องรู้: ซื้อชื่อใคร ลดหย่อนได้? (เรื่องนี้คนผิดเยอะสุด!)
ถ้าเป้าหมายคือ "ลดหย่อนภาษีของพ่อแม่" และ "เก็บเงินให้ลูก" ต้องทำแบบนี้ครับ:

อย่าซื้อประกันชื่อลูก: ถ้ากรมธรรม์เป็นชื่อลูก (ลูกเป็นผู้เอาประกัน) -> พ่อแม่จะ นำมาลดหย่อนภาษีไม่ได้ (สรรพากรไม่ให้)
ต้องซื้อประกันชื่อพ่อ/แม่: ให้พ่อหรือแม่เป็น "ผู้เอาประกัน" (และเป็นผู้ชำระเบี้ย) -> นำเบี้ยไป ลดหย่อนภาษีได้ 100%

  • แล้วลูกได้อะไร?: ให้ระบุชื่อลูกเป็น "ผู้รับผลประโยชน์" (Beneficiary) 
  • ผลลัพธ์: พ่อแม่ได้ลดหย่อนภาษีวันนี้ + ถ้าครบสัญญาหรือเกิดเหตุไม่คาดฝัน เงินก้อนจะตกเป็นของลูกเป็นทุนการศึกษาทันที

วิธีเลือก "ประกันสะสมทรัพย์" ปี 2568 ให้คุ้มค่าที่สุด
อย่าดูแค่คำโฆษณาว่า "ผลตอบแทน xxx%" ให้ดูที่ค่า IRR (Internal Rate of Return) หรือผลตอบแทนที่แท้จริงต่อปี และต้องเช็คเงื่อนไขสรรพากร 2 ข้อนี้:

  • ความคุ้มครองต้อง 10 ปีขึ้นไป: (เช่น จ่ายเบี้ย 5 ปี คุ้มครอง 10 ปี แบบนี้ผ่านเกณฑ์)
  • ต้องมีเงินคืนระหว่างสัญญา: ไม่เกิน 20% ของเบี้ยสะสม (ส่วนใหญ่แบบประกันที่ขายๆ กันจะทำมาให้ผ่านเกณฑ์นี้อยู่แล้ว)

3 แบบประกันสะสมทรัพย์ "ตัวท็อป" ปี 2568 (เน้น IRR สูง + ลดหย่อนได้จริง)
(คัดมาเฉพาะค่ายที่ผลตอบแทน (IRR) สูงติดอันดับตลาดในปีนี้)

1. อาคเนย์ประกันชีวิต (SE Life) - แผน "อาคเนย์ คุ้มสุข เต็มสิบ 10/5"

  • รูปแบบ: จ่ายเบี้ยสั้นแค่ 5 ปี แต่คุ้มครอง 10 ปี (ปีที่ 11 รับเงินก้อน)
  • จุดเด่น: เป็นตัวที่ IRR สูงอันดับต้นๆ ของตลาด (ประมาณ 2.xx% - 3.0% แล้วแต่อายุ) ให้เงินคืนระหว่างสัญญาเยอะ เหมาะกับพ่อแม่ที่อยากรีบออม รีบจบ เอาเงินไปหมุนต่อ

2. กรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life) - แผน "BLA Happy Savings" หรือ "Gain 1st"

  • รูปแบบ: มีหลายระยะ (เช่น 15/10 หรือ 10/1)
  • จุดเด่น: ความมั่นคงสูงมาก แผน "Gain 1st" (เกนเฟิสต์) เป็นตำนานที่คนเล่นภาษีรู้จักดี เพราะการันตีผลตอบแทนแน่นอน ไม่ต้องลุ้น เหมาะเป็นฐานพีระมิดทางการเงินให้ลูก

3. ไทยประกันชีวิต (Thai Life) - แผน "ธนทวี" หรือ "Money Fit"

  • รูปแบบ: เน้นการออมระยะกลางถึงยาว
  • จุดเด่น: มีจุดเด่นเรื่อง "เงินปันผล" (Dividend) ที่อาจจะได้เพิ่มนอกเหนือจากเงินการันตี ถ้าบริษัทมีกำไรดี ถือเป็นการเปิดโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มเพื่อชนะเงินเฟ้อ

วางแผนยังไงให้ลูกมีค่าเทอม ป.ตรี?

  • ถ้าลูกอายุ 1-5 ขวบ: ให้ทำประกันแบบ ระยะยาว (เช่น 15/7 หรือ 18/10) เพราะเงินจะครบกำหนดตอนลูกเข้ามหาวิทยาลัยพอดี (อายุ 18-20) จะได้เงินก้อนใหญ่ไปจ่ายค่าเทอม
  • ถ้าลูกอายุ 10 ขวบขึ้นไป: ให้ทำประกันแบบ ระยะสั้น (เช่น 10/5) เงินจะครบกำหนดตอนลูกเรียนจบ เริ่มทำงาน หรือเอาไปเรียนต่อ ป.โท


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้