รีวิวคณะทันตแพทยศาสตร์: อยากเป็นหมอฟันต้องเรียนอะไร?
"หมอฟัน" หรือ "ทันตแพทย์" คืออีกหนึ่งวิชาชีพสายสุขภาพในกลุ่ม กสพท ที่ได้รับความนิยมสูงมาก เป็นอาชีพที่ผสมผสานทั้งความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์, ความแม่นยำ, และทักษะทางศิลปะเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างรอยยิ้มที่สวยงามและสุขภาพช่องปากที่ดีให้กับผู้ป่วย
เส้นทางสู่การเป็นทันตแพทย์นั้นต้องใช้เวลาเรียนถึง 6 ปีเช่นเดียวกับแพทย์ แต่มีความท้าทายและเนื้อหาการเรียนที่เฉพาะทางแตกต่างกันออกไป วันนี้ Tutorwa Channel จะพาน้องๆ ไปเจาะลึกชีวิตนักศึกษาทันตแพทย์ตลอด 6 ปี ว่าต้องเรียนอะไร ฝึกฝนทักษะด้านไหน และจบไปแล้วจะทำงานอะไรได้บ้าง
อยากเป็นหมอฟัน ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?
นอกจากความรู้ทางวิชาการแล้ว "คุณสมบัติเฉพาะตัว" ของคนที่จะเป็นหมอฟันได้ดีนั้น มีดังนี้ค่ะ:
- ทักษะการใช้มือและสายตาที่ดีเยี่ยม (Fine Motor Skills): งานทันตกรรมเป็นงานที่ละเอียดอ่อนและต้องทำในพื้นที่เล็กๆ อย่างช่องปาก ความนิ่ง, ความแม่นยำ, และสายตาที่ดีจึงสำคัญมาก
- มีความเป็นศิลปินในหัวใจ: การอุดฟัน, การทำฟันปลอม, หรือการจัดฟัน ล้วนต้องอาศัยความรู้สึกเชิงศิลปะเพื่อสร้างผลงานที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ
- ความอดทนและสมาธิสูง: สามารถทำงานที่ละเอียดซับซ้อนเป็นเวลานานๆ ได้
- ทักษะการสื่อสารที่ดี: สามารถอธิบายแผนการรักษาที่ซับซ้อนให้ผู้ป่วยเข้าใจได้ง่าย และสร้างความไว้วางใจได้
- แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ: สามารถรับมือกับความเครียดและต้องมีร่างกายที่แข็งแรงพอที่จะทำงานในท่าทางเดิมๆ ได้นาน
6 ปีในคณะทันตะฯ เรียนอะไรกันบ้าง?
หลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิตมีความคล้ายคลึงกับคณะแพทยศาสตร์ในช่วงปีแรกๆ แต่จะเริ่มเน้นความเฉพาะทางเร็วขึ้น
- ปี 1 (Pre-medical): เรียนวิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับนักศึกษาแพทย์และคณะสายวิทย์อื่นๆ เช่น ชีววิทยา, เคมี, ฟิสิกส์ เพื่อปูพื้นฐานความเข้าใจร่างกายมนุษย์
- ปี 2-3 (Pre-clinical): เป็นช่วงที่เรียนหนักที่สุด! จะเริ่มเรียนรู้เรื่องร่างกายมนุษย์ในเชิงลึกเหมือนนักศึกษาแพทย์ เช่น กายวิภาคศาสตร์ (Anatomy), สรีรวิทยา (Physiology) แต่จะเริ่มมีวิชาเฉพาะทางทันตกรรมเข้ามาด้วย เช่น ทันตกายวิภาคศาสตร์ (Dental Anatomy) ที่เรียนรู้รูปร่างของฟันแต่ละซี่ และที่สำคัญคือการ "ฝึก Lab มือ" หรือการฝึกปฏิบัติในห้องแล็บ เช่น การแกะสลักฟันจากขี้ผึ้ง (Wax), การกรอฟันในโมเดลจำลอง ซึ่งเป็นหัวใจของการฝึกทักษะหัตถการ
- ปี 4-6 (Clinical): "ชั้นคลินิก" คือช่วงเวลาที่นักศึกษาทันตแพทย์ (นศท.) จะได้ลงมือปฏิบัติจริงกับผู้ป่วยในโรงพยาบาลทันตกรรมภายใต้การดูแลของอาจารย์ จะได้วนเรียนและฝึกทำงานในทุกสาขาของทันตกรรม เช่น:
- ทันตกรรมทั่วไป: อุดฟัน, ขูดหินปูน, ถอนฟัน
- ทันตกรรมสำหรับเด็ก (Pediatric Dentistry)
- ทันตกรรมประดิษฐ์ (Prosthodontics): การทำฟันปลอม
- ปริทันตวิทยา (Periodontology): การรักษาโรคเหงือก
- ศัลยศาสตร์ช่องปาก (Oral Surgery): การผ่าฟันคุด
- ทันตกรรมจัดฟัน (Orthodontics)
ชีวิตในช่วงนี้จะท้าทายมาก เพราะต้องรับผิดชอบเคสผู้ป่วยของตัวเอง, ทำงานให้เสร็จตามเป้าหมาย, และบริหารจัดการเวลาให้ดี
จบ 6 ปีแล้วไปไหนต่อ?
- สอบใบประกอบวิชาชีพทันตกรรม: เพื่อให้ได้เป็น "ทันตแพทย์/ทันตแพทย์หญิง" อย่างเต็มตัว
- การทำงานใช้ทุน: ทำงานในโรงพยาบาลของรัฐเป็นเวลา 3 ปี
- เส้นทางอาชีพ:
- เปิดคลินิกส่วนตัว: เป็นเป้าหมายของทันตแพทย์ส่วนใหญ่
- ทำงานในโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน
- เรียนต่อเฉพาะทาง: เช่น ทันตแพทย์จัดฟัน, ศัลยแพทย์ช่องปาก ซึ่งใช้เวลาเรียนต่ออีกหลายปี
- เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย
อยากเข้าคณะทันตะฯ ต้องเตรียมตัวสอบอะไร?
- TPAT1 วิชาเฉพาะ กสพท (ความถนัดแพทย์)
- A-Level 7 วิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์ 1, ฟิสิกส์, เคมี, ชีววิทยา, ภาษาไทย, สังคมศึกษา, และภาษาอังกฤษ
อาชีพทันตแพทย์เป็นงานที่ท้าทายแต่ก็ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ทั้งในแง่ของรายได้และความภาคภูมิใจที่ได้มอบรอยยิ้มสุขภาพดีให้กับผู้คน หากน้องๆ เป็นคนที่มีทั้งหัวใจของนักวิทยาศาสตร์และจิตวิญญาณของศิลปิน นี่อาจเป็นเส้นทางที่ใช่สำหรับนักเรียนค่ะ
แล้วถ้าเราสนใจเรื่องยาและการดูแลสุขภาพโดยรวมล่ะ? รอติดตามบทความต่อไปกับ 'รีวิวคณะเภสัชศาสตร์: เรียนกี่ปี? จบแล้วทำงานที่ไหนได้บ้าง?' กันนะคะ!