Last updated: 11 ธ.ค. 2568 | 3 จำนวนผู้เข้าชม |
อัลตราซาวด์ 2D 3D 4D ต่างกันยังไง? แม่ท้องควรเลือกแบบไหนให้คุ้มและอุ่นใจที่สุด
วินาทีที่ตื่นเต้นที่สุดของการฝากครรภ์ ก็คือตอนที่คุณหมอทาเจลเย็นๆ ที่ท้องแล้วเอาหัวตรวจมาไถๆ เพื่อดูเจ้าตัวเล็กในจอนี่แหละค่ะ! แต่เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีไปไกลมาก มีให้เลือกทั้งแบบ 2 มิติ, 3 มิติ และ 4 มิติ จนแม่ๆ เริ่มงงว่า "เอ๊ะ! แล้วฉันต้องเลือกแบบไหน? จำเป็นต้อง 4D ไหม หรือแค่ 2D ก็พอ?"
วันนี้แอดมินจะมาไขข้อข้องใจ เทียบให้เห็นภาพชัดๆ ว่าแต่ละแบบต่างกันยังไง และแบบไหนที่ "จำเป็น" จริงๆ ค่ะ
1. อัลตราซาวด์ 2 มิติ (2D Ultrasound): ขาว-ดำ แต่อัดแน่นด้วยสาระ
นี่คือแบบมาตรฐานที่คุณหมอใช้กันทั่วโลกค่ะ ภาพที่เห็นจะเป็น "ภาพตัดขวาง ขาว-ดำ" (ดูไม่ออกเลยใช่ไหมคะว่าตรงไหนแขนตรงไหนขา 555)
2. อัลตราซาวด์ 3 มิติ (3D Ultrasound): เห็นมิติ มีตื้นลึกหนาบาง
อัปเกรดขึ้นมาอีกขั้น! เครื่องจะประมวลผลจากภาพ 2D หลายๆ ภาพมารวมกันจนเกิดเป็น "ภาพนิ่งที่มีมิติ" (สีส้มๆ ทองๆ ที่เราคุ้นตากัน)
3. อัลตราซาวด์ 4 มิติ (4D Ultrasound): เหมือนดูหนัง เห็นลูกดิ้นสดๆ!
นี่คือที่สุดของความฟิน! เพราะมันคือภาพ 3D ที่ "เคลื่อนไหวได้แบบ Real-time" (เพิ่มมิติของ "เวลา" เข้ามาเป็นมิติที่ 4)
ตารางสรุป: เทียบชัดๆ แบบไหนดี?
| หัวข้อเปรียบเทียบ | 2D (มาตรฐาน) | 3D (ภาพนิ่ง) | 4D (ภาพเคลื่อนไหว) |
| ลักษณะภาพ | ขาว-ดำ, ภาพแบนๆ | สีส้ม/ทอง, มีมิติ | สีส้ม/ทอง, ขยับได้ |
| สิ่งที่เห็น | โครงสร้าง, อวัยวะภายใน | ใบหน้า, ผิวหนังภายนอก | พฤติกรรม, การขยับตัว |
| ประโยชน์หลัก | วินิจฉัยโรค/ความสมบูรณ์ | ตรวจความผิดปกติภายนอก | สร้างความผูกพันพ่อแม่ลูก |
| ราคา | ถูกสุด (มักรวมในแพ็กเกจ) | ปานกลาง | สูงสุด (2,000 - 4,000+) |
สรุป: แม่ท้องควรเลือกแบบไหน?
Tips: ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน ขอแค่ลูกในท้องแข็งแรงสมบูรณ์ ก็คือข่าวดีที่สุดของแม่ๆ แล้วจริงไหมคะ? ❤️