Last updated: 11 ธ.ค. 2568 | 16 จำนวนผู้เข้าชม |
เชื่อว่าว่าที่คุณแม่หลายท่านต้องเคยเจอกับภาวะที่อยู่ๆ น้ำตาก็ไหล หรือหงุดหงิดคนข้างกายโดยไม่มีสาเหตุ อาการเหล่านี้คือ "อารมณ์แปรปรวนตอนท้อง" ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ แต่หากปล่อยไว้อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในครอบครัวได้ค่ะ
บทความนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจสาเหตุที่แท้จริง และวิธีรับมือที่ทำตามได้ง่ายๆ เพื่อให้ทั้งคุณแม่และคนในครอบครัวผ่านช่วงเวลานี้ไปได้อย่างราบรื่นค่ะ
สาเหตุของอาการอารมณ์แปรปรวนในช่วงตั้งครรภ์
ก่อนจะไปดูวิธีแก้ เราต้องเข้าใจก่อนค่ะว่าอาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการที่ "เรานิสัยเปลี่ยนไป" แต่มีปัจจัยกระตุ้นทางร่างกายหลักๆ 2 ประการค่ะ:
5 วิธีรับมือกับอารมณ์แปรปรวน เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
1. สื่อสารความรู้สึกออกไปตรงๆ
การเก็บความรู้สึกไว้คนเดียวมักทำให้สถานการณ์แย่ลงค่ะ ลองเปิดใจคุยกับสามีตรงๆ ว่า "ช่วงนี้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง อาจจะหงุดหงิดง่ายหน่อยนะคะ" การบอกกล่าวล่วงหน้าจะช่วยให้คนรอบข้างเข้าใจและไม่เก็บอารมณ์ของเราไปคิดมากค่ะ
2. การพักผ่อนคือกุญแจสำคัญ
ความเหนื่อยล้าเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีของความหงุดหงิดค่ะ หาเวลางีบหลับสั้นๆ ระหว่างวัน (Nap) หรือเข้านอนให้เร็วขึ้น เมื่อร่างกายได้พักฟื้น จิตใจก็จะแจ่มใสขึ้นตามไปด้วยค่ะ
3. หากิจกรรมผ่อนคลายทำร่วมกัน
ลองชวนคุณสามีทำกิจกรรมเบาๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศค่ะ เช่น
4. ดูแลตัวเองด้วย "อาหาร" และ "การออกกำลังกาย"
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายเบาๆ จะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) หรือสารแห่งความสุขออกมาตามธรรมชาติ ช่วยลดความตึงเครียดได้ดีมากค่ะ
5. ขอความช่วยเหลือเมื่อไม่ไหว
หากรู้สึกว่ารับมือไม่ไหว หรืออารมณ์ดิ่งลงจนกระทบการใช้ชีวิต อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญนะคะ เพราะสุขภาพจิตของคุณแม่ส่งผลโดยตรงต่อลูกน้อยในครรภ์ค่ะ
บทสรุป
ภาวะ อารมณ์แปรปรวนตอนท้อง เป็นเพียงช่วงเวลาชั่วคราวที่จะผ่านพ้นไปค่ะ สิ่งสำคัญคือความเข้าใจและการจับมือประคองกันไปของคนในครอบครัว หากผ่านจุดนี้ไปได้ ความสัมพันธ์ของทุกท่านจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นแน่นอนค่ะ
ข้อควรระวัง (Disclaimer): บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสุขภาพแม่และเด็กเท่านั้น เนื้อหาทั้งหมดไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำ การวินิจฉัย หรือการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากคุณแม่มีอาการผิดปกติ หรือมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพครรภ์ ควรปรึกษาและเข้ารับการตรวจจากสูตินรีแพทย์โดยตรง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของแม่และลูกน้อยค่ะ
12 ธ.ค. 2568