Last updated: 10 ธ.ค. 2568 | 16 จำนวนผู้เข้าชม |
"ตื่นเช้ามาก็เวียนหัว ได้กลิ่นข้าวหุงสุกก็อยากจะอาเจียน กินอะไรเข้าไปก็ออกมาหมด..."
ถ้าคุณแม่กำลังเจอกับอาการเหล่านี้ กอดแน่นๆ หนึ่งทีนะคะ เข้าใจเลยค่ะว่ามันทรมานแค่ไหน บางคนแพ้หนักจนท้อ ร้องไห้ถามตัวเองว่า "ฉันจะทนไหวไหม?" บอกเลยว่า "คุณแม่เก่งมากค่ะ และคุณแม่ไม่ได้สู้คนเดียว"
อาการแพ้ท้อง (Morning Sickness) เป็นบททดสอบแรกของการเป็นแม่ที่โหดหินสุดๆ แต่ข่าวดีคือ มันเป็นสัญญาณว่าฮอร์โมนการตั้งครรภ์กำลังทำงานเต็มที่เพื่อลูกน้อยค่ะ วันนี้เรามี คู่มือเอาตัวรอดฉบับแม่มือโปร มาฝาก ทั้งวิธีบรรเทาอาการแบบเห็นผลจริง และจุดสังเกตสำคัญว่า "แพ้แค่ไหนถึงเรียกว่าผิดปกติ" จนต้องรีบไปหาหมอ
Q&A: ถามไว-ตอบไว เรื่องแพ้ท้อง
A: ขึ้นอยู่กับระดับฮอร์โมน hCG และความไวของร่างกายแต่ละคนค่ะ คนที่ไม่แพ้ท้องไม่ได้แปลว่าลูกไม่แข็งแรงนะคะ แค่ร่างกายคุณแม่รับมือกับฮอร์โมนได้เก่งเท่านั้นเอง ถือว่าโชคดีสุดๆ ไปเลยค่ะ!
แล้วถ้าคุณแม่มีอาการแพ้ท้องหละ จะรับมือยังไงได้บ้างมาดูกันค่ะ
5 วิธีรับมือ "อาการแพ้ท้อง" ให้ชีวิตง่ายขึ้น (ลองแล้วเวิร์ค!)
ถ้าต้องรอให้หายเองตอน 3 เดือนคงไม่ไหว ลองเอาเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ดูค่ะ
1. กฎทอง: "อย่าปล่อยให้ท้องว่าง"
ยิ่งท้องว่าง กรดในกระเพาะยิ่งเยอะ ยิ่งคลื่นไส้ค่ะ!
2. ขิง (Ginger) คือฮีโร่
สมุนไพรไทยเรานี่แหละค่ะ ตัวช่วยชั้นดี สารในขิงมีฤทธิ์ช่วยลดการบีบตัวของกระเพาะอาหาร
3. แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อย่อยๆ (Small Meals)
ลืมการกิน 3 มื้อหนักๆ ไปก่อนค่ะ ให้เปลี่ยนเป็นกิน 5-6 มื้อเล็กๆ แทน กินทีละนิดแต่กินบ่อยๆ เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
4. หลีกเลี่ยง "ตัวกระตุ้น" (Triggers)
ช่วงนี้จมูกคุณแม่จะดีกว่าสุนัขตำรวจอีกค่ะ! อะไรที่เหม็นต้องหนีให้ห่าง
5. วิตามิน B6 ช่วยได้
ทางการแพทย์ยอมรับว่าวิตามิน B6 (Pyridoxine) ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ค่ะ ลองปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ดูนะคะ คุณหมออาจจ่ายยาแก้แพ้ท้องที่ปลอดภัยสำหรับคนท้องให้ทานค่ะ
เช็กด่วน! แบบไหนคือ "แพ้ท้องรุนแรง" (Hyperemesis Gravidarum)
ข้อนี้สำคัญมากค่ะแม่ๆ! อาการแพ้ท้องปกติ เราพอจะกินข้าวได้บ้าง ใช้ชีวิตได้ แต่ถ้าเป็นภาวะ แพ้ท้องรุนแรง (HG) แบบที่เจ้าหญิงเคท มิดเดิลตัน เคยเป็น อันนี้อันตรายและ "ต้องถึงมือหมอ" นะคะ
มาเช็กกันชัดๆ ในตารางนี้เลยค่ะ
| อาการ | แพ้ท้องปกติ (Morning Sickness) | แพ้ท้องรุนแรง (Hyperemesis Gravidarum) |
| การอาเจียน | อาเจียนบ้าง แต่ยังพอกินน้ำ/อาหารได้ | อาเจียนหนักมาก กินอะไรไม่ได้เลย แม้แต่น้ำ |
| น้ำหนักตัว | น้ำหนักอาจลดเล็กน้อย หรือคงที่ | น้ำหนักลดฮวบ เกิน 5% ของน้ำหนักก่อนท้อง |
| ร่างกาย | อ่อนเพลีย แต่ยังพอทำงานไหว | หมดแรง หน้ามืด เป็นลม ปัสสาวะสีเข้มจัด (ขาดน้ำ) |
| ผลกระทบ | หายไปเองหลัง 12-14 สัปดาห์ | อาจเป็นยาวนานจนถึงคลอด ต้องนอนโรงพยาบาล |
⚠️ ถ้าคุณแม่มีอาการในช่องขวา อย่าทนนะคะ! รีบไปโรงพยาบาลทันที เพราะร่างกายอาจขาดน้ำและเกลือแร่รุนแรง จนส่งผลกระทบต่อไตและลูกในท้องได้ค่ะ หมอจะให้น้ำเกลือและยาวิตามิน ช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นค่ะ
บทสรุปจากใจถึงใจ
ช่วงเวลานี้อาจดูยาวนานเหมือนไม่มีวันจบ แต่เชื่อเถอะค่ะว่า "เดี๋ยวมันจะผ่านไป" พอลูกดิ้นครั้งแรก หรือได้เห็นหน้าลูกตอนอัลตราซาวด์ ความทรมานทั้งหมดจะหายเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ
ตอนนี้หน้าที่ของคุณแม่คือ "พักผ่อนและใจดีกับตัวเองให้มากๆ" งานบ้านวางไว้ก่อน งานการทำเท่าที่ไหว ถ้าไม่ไหวให้ลาพัก ใครจะว่ายังไงช่างเขา ร่างกายเราและลูกสำคัญที่สุดค่ะ!
สู้ๆ นะคะคุณแม่ เป็นกำลังใจให้ค่ะ!
Disclaimer: บทความนี้เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถใช้แทนคำวินิจฉัยของแพทย์ได้ หากมีอาการอาเจียนเป็นเลือด ปวดท้องรุนแรง หรือน้ำหนักลดผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที