สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากเน้นภาษาอังกฤษให้ลูก แต่ก็กลัวว่าถ้าเรียนอินเตอร์ไปเลยค่าเทอมจะแรงเกินไป หรือกลัวลูกจะทิ้งวิชาการสายไทย หลักสูตร EP (English Program) และ MEP (Mini English Program) ในโรงเรียนรัฐบาล จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุดค่ะ
แต่คำถามคือ... "สองหลักสูตรนี้มันต่างกันยังไง?" ชื่อก็คล้ายกัน อันไหนเรียนหนักกว่า? อันไหนภาษาแน่นกว่า? วันนี้ทีมงาน Tutorwa สรุปข้อแตกต่างมาให้เทียบกันช็อตต่อช็อตเลยค่ะ!
1. EP (English Program) = จัดเต็มภาษาอังกฤษ
คือการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ แต่ใช้ "ภาษาอังกฤษ" เป็นสื่อในการสอนเกือบทุกวิชา
- สัดส่วนการเรียน: สอนเป็นภาษาอังกฤษประมาณ 70-80% ของรายวิชาทั้งหมด
- วิชาที่เรียนเป็น Eng: คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ภาษาอังกฤษ, พลศึกษา, ศิลปะ, การงานฯ (สอนโดยครูต่างชาติ Native/European)
- วิชาที่เรียนเป็นไทย: ภาษาไทย, สังคมศึกษา, ประวัติศาสตร์, หน้าที่พลเมือง
- ค่าเทอม (โดยประมาณ): 35,000 - 50,000++ บาท/เทอม
- เหมาะกับ: น้องที่อยากได้ภาษาเป๊ะๆ สำเนียงดี กล้าพูดคุย เหมือนเรียนอินเตอร์ในรั้วรัฐบาล
2. MEP (Mini English Program) = สายกลาง (ลูกผสม)
ตามชื่อเลยค่ะ "Mini" คือฉบับย่อส่วนของ EP ลดความเข้มข้นของภาษาลงมาหน่อย
- สัดส่วนการเรียน: สอนเป็นภาษาอังกฤษประมาณ 30-50% หรือไม่เกิน 15 ชั่วโมง/สัปดาห์
- วิชาที่เรียนเป็น Eng: ส่วนใหญ่เน้นแค่ 3-4 วิชาหลัก คือ ภาษาอังกฤษ, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์ (บางโรงเรียนอาจมีคอมพิวเตอร์) ส่วนวิชาอื่นๆ เรียนเป็นภาษาไทยกับครูไทย
- ค่าเทอม (โดยประมาณ): 15,000 - 25,000 บาท/เทอม (ถูกกว่า EP ครึ่งนึง)
- เหมาะกับ: น้องที่อยากเก่งภาษาแต่ไม่อยากทิ้งวิชาการภาคไทย หรือผู้ปกครองที่อยากเซฟงบประมาณลงมาหน่อย

บทสรุป: เลือกแบบไหนดี?
- ทีม EP: ถ้าเป้าหมายคือ "อยากให้ลูกได้ภาษาแบบใช้งานจริง/ไปต่อนอก" และงบประมาณไม่ใช่ปัญหา เลือก EP ไปเลยค่ะ คุ้มค่าที่สุดในระยะยาว
- ทีม MEP: ถ้าเป้าหมายคือ "อยากให้ลูกมีพื้นฐานภาษาดีกว่าเด็กทั่วไป แต่ยังเน้นสอบเข้ามหาลัยไทย/หมอ/วิศวะ" MEP คือทางสายกลางที่น่าสนใจมากค่ะ เพราะได้ทั้งภาษาและวิชาการแน่นๆ แถมประหยัดเงินได้เยอะ
ลองถามความชอบของลูกดูนะคะ ว่าเขาชอบภาษาอังกฤษขนาดไหน ถ้าชอบมากก็จัด EP แต่ถ้าแค่พอได้ MEP ก็มีความสุขกว่าค่ะ
อ่านบทความที่น่าสนใจต่อ: