เรียนออนไลน์อย่างไรไม่ให้สมาธิสั้น

Last updated: 2 ก.ย. 2568  |  216 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เรียนออนไลน์อย่างไรไม่ให้สมาธิสั้น

สมาธิหลุดง่าย? 7 เทคนิค 'เรียนออนไลน์' อย่างไรให้โฟกัสอยู่หมัด (เหมือนเรียนในห้อง)

การเรียนออนไลน์มอบความสะดวกสบายให้เราสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เปิดประตูสู่ "สิ่งรบกวน" จำนวนมหาศาล ทั้งเสียงแจ้งเตือนจากโซเชียลมีเดีย, ความเย้ายวนของซีรีส์เรื่องโปรด, หรือแม้แต่เตียงนอนนุ่มๆ ที่อยู่ห่างไปแค่ไม่กี่ก้าว จนทำให้น้องๆ หลายคนประสบปัญหา "สมาธิสั้น" เรียนไม่รู้เรื่อง และตามบทเรียนไม่ทัน

การจะเรียนออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องอาศัย "วินัย" และ "กลยุทธ์" ที่มากกว่าการเรียนในห้องเรียนปกติ

นี่คือ 7 เทคนิคสำคัญ ที่จะช่วยสร้าง "เกราะป้องกันสิ่งรบกวน" และทำให้น้องๆ สามารถโฟกัสกับการเรียนออนไลน์ได้อย่างเต็มที่

1. สร้าง "พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์" สำหรับการเรียน (The Sacred Study Space)
 
สมองของเราจะเชื่อมโยงสถานที่กับกิจกรรมต่างๆ การเรียนบนเตียงนอนจึงเป็นความคิดที่แย่ที่สุด เพราะสมองจะสับสนว่านี่คือเวลาเรียนหรือเวลาพักผ่อน

วิธีทำ:
     - กำหนดมุมเรียนที่ชัดเจน: ไม่จำเป็นต้องเป็นห้องส่วนตัว แค่เป็น "โต๊ะ" ตัวหนึ่งที่ใช้สำหรับ "การเรียนเท่านั้น"
     - จัดโต๊ะให้สะอาด: เคลียร์ของที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด เหลือไว้แค่สิ่งที่ต้องใช้เรียนในวันนั้น
     - บอกคนในบ้าน: แจ้งให้ทุกคนในบ้านทราบว่า "ช่วงเวลานี้คือเวลาเรียนของเรา ขอความกรุณาอย่าเพิ่งรบกวนนะ"
ผลลัพธ์: เมื่อเรานั่งลงที่โต๊ะนี้ สมองจะปรับเข้าสู่ "โหมดเรียน" โดยอัตโนมัติ
 
2. "แต่งตัว" เหมือนไปโรงเรียน
 
การอยู่ในชุดนอนทั้งวันอาจจะสบาย แต่ก็ทำให้สมองรู้สึกว่านี่คือวันพักผ่อน

วิธีทำ: ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดนักเรียนเต็มยศ แค่ลุกขึ้นไปอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดลำลองที่สุภาพเรียบร้อย ก็เป็นการส่งสัญญาณให้สมองและร่างกายรู้ว่า "ถึงเวลาที่ต้องจริงจังแล้ว"
ผลลัพธ์: ช่วยสร้างเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างเวลาพักผ่อนกับเวลาเรียน
 
3. กำจัด "ศัตรูตัวร้าย" ที่ชื่อว่า 'มือถือ'
 
เสียงแจ้งเตือนแค่ "ติ๊ง!" เดียว ก็สามารถทำลายสมาธิที่กำลังก่อตัวของเราได้ทั้งหมด

วิธีทำ:
     - วิธีที่ดีที่สุด: นำโทรศัพท์ไปวางไว้ห้องอื่น หรือให้ผู้ปกครองเก็บไว้ให้
     - วิธีที่รองลงมา: ปิดการแจ้งเตือนของทุกแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็น และวางโทรศัพท์คว่ำหน้าไว้ในจุดที่เอื้อมไม่ถึง
ผลลัพธ์: สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดจากสิ่งรบกวนดิจิทัล (Digital Distraction-Free Zone)
 
4. ใช้ "กฎ 50-10" ในการจัดตาราง
 
การนั่งเรียนต่อเนื่องนานเกินไปทำให้สมองล้าและสมาธิลดลง

วิธีทำ: เรียนอย่างเต็มที่เป็นเวลา 50 นาที จากนั้นให้พักเบรก 10 นาที
ในช่วงพัก 10 นาที: ห้ามจับมือถือเด็ดขาด! แต่ให้ลุกขึ้นไปยืดเส้นยืดสาย, ดื่มน้ำ, มองออกไปนอกหน้าต่าง, หรือพักสายตา การทำแบบนี้จะช่วยฟื้นฟูพลังสมองได้อย่างแท้จริง
 
5. "มีส่วนร่วม" กับบทเรียนเสมอ (Active Participation)
 
การนั่งฟังเฉยๆ (Passive Learning) คือหนทางสู่ความง่วง

วิธีทำ:
     - เปิดกล้อง (ถ้าเป็นไปได้): การเปิดกล้องจะช่วยให้เรารู้สึกตื่นตัวและมีส่วนร่วมมากขึ้น
     - จดโน้ต: ฝึก จดเลคเชอร์อย่างมีเทคนิค ไม่ใช่แค่การลอกตาม
     - ตอบคำถามและแสดงความคิดเห็น: พยายามตอบคำถามที่คุณครูถามในแชท หรือยกมือถามเมื่อมีข้อสงสัย
 
6. "วางแผน" ก่อนเริ่มเรียน
 
การเข้าเรียนโดยไม่รู้ว่าวันนี้จะเรียนอะไร ทำให้เราจับต้นชนปลายไม่ถูก

วิธีทำ: ใช้เวลา 5 นาทีก่อนเริ่มคลาส เพื่อเปิดดูเอกสารหรือหัวข้อที่จะเรียนในวันนั้น จะช่วยให้เราติดตามเนื้อหาได้ทันและเข้าใจภาพรวมได้ดีขึ้น
 
7. "ให้รางวัล" เมื่อทำสำเร็จ
 
สร้างแรงจูงใจให้ตัวเองด้วยการให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ

วิธีทำ: ตั้งเป้าหมาย เช่น "ถ้าวันนี้เราตั้งใจเรียนออนไลน์ได้ครบทุกคาบโดยไม่เล่นมือถือเลย ตอนเย็นจะให้รางวัลตัวเองด้วยการดูซีรีส์ 2 ตอน"
ผลลัพธ์: ทำให้การมีวินัยเป็นเรื่องที่น่าพึงพอใจและอยากจะทำต่อไป

การเรียนออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพคือ "ทักษะ" ที่ต้องฝึกฝน ไม่ต่างจากการเรียนวิชาอื่นๆ ขอให้น้องๆ ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ แล้วจะพบว่าเราสามารถสร้างห้องเรียนที่ดีที่สุดได้ด้วยตัวของเราเองครับ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้