ต้องเก่งแค่ไหน? ถึงจะสอบติด ม.4 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (MWIT)

Last updated: 2 ก.ย. 2568  |  627 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ต้องเก่งแค่ไหน? ถึงจะสอบติด ม.4 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (MWIT)

ต้องเก่งแค่ไหน? ถึงจะสอบติด ม.4 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (MWIT)

โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (Mahidol Wittayanusorn School - MWIT) ไม่ใช่แค่โรงเรียนมัธยมปลาย แต่เป็น "โรงเรียนวิทยาศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย" ที่มีสถานะเป็นองค์การมหาชน มีเป้าหมายเพื่อเฟ้นหาและบ่มเพาะนักเรียนที่มีอัจฉริยภาพด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนานักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ของประเทศในอนาคต

ดังนั้น คำถามที่ว่า "ต้องเก่งแค่ไหน?" คำตอบสั้นๆ ก็คือ "ต้องมีความสามารถในระดับต้นๆ ของประเทศ" แต่คำว่า "เก่ง" ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการทำเกรดในโรงเรียนได้ 4.00 เพียงอย่างเดียว แต่มันคือความสามารถในการคิดวิเคราะห์, การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน, และความหลงใหลในวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง

สนามสอบ 2 รอบ: การคัดเลือกที่เข้มข้น

การสอบเข้า MWIT มีกระบวนการคัดเลือกที่เข้มข้นถึง 2 รอบ เพื่อให้ได้นักเรียนที่มีคุณสมบัติตรงตามที่โรงเรียนต้องการมากที่สุด (รับนักเรียนประมาณ 240 คนต่อปี จากผู้สมัครหลักหมื่นคน)

รอบที่ 1: การสอบวัดความรู้ทางวิชาการ (ข้อเขียน)
นี่คือด่านที่โหดที่สุด ซึ่งจะคัดเลือกนักเรียนจากทั่วประเทศให้เหลือเพียงประมาณ 600 คนเท่านั้น

วิชาที่สอบ: คณิตศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์, เคมี, ชีววิทยา)
ลักษณะข้อสอบ:
  • ความยากเกินหลักสูตร ม.ต้น ไปมาก: ข้อสอบทั้งคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จะมีเนื้อหาของ ม.ปลาย (ม.4-ม.6) ผสมอยู่เป็นจำนวนมาก
  • เน้นการคิดวิเคราะห์และบูรณาการ: ข้อสอบไม่ได้ถามความจำตรงๆ แต่จะสร้างสถานการณ์สมมติหรือให้ข้อมูลการทดลองมา แล้วให้นักเรียนใช้ความรู้จากหลายๆ บทมาประยุกต์ใช้เพื่อหาคำตอบ
  • คณิตศาสตร์: ไม่ใช่โจทย์แก้สมการธรรมดา แต่เป็นโจทย์ปัญหาที่ต้องใช้ทักษะการแก้ปัญหาขั้นสูง (Problem-Solving Skills) คล้ายโจทย์แนวแข่งขันโอลิมปิก
  • วิทยาศาสตร์: มักจะออกข้อสอบในลักษณะบทความยาวๆ ให้อ่านแล้ววิเคราะห์, การตีความกราฟและตารางข้อมูล, และการออกแบบการทดลอง

รอบที่ 2: การสอบวัดทักษะปฏิบัติและจิตวิทยา
หลังจากผ่านรอบแรกมาได้ น้องๆ ที่เหลืออยู่ประมาณ 600 คน จะต้องเข้าค่ายเพื่อทำการสอบในรอบที่สอง

รูปแบบการสอบ:

  • การสอบปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ (Lab Exam): น้องๆ จะได้เข้าห้องปฏิบัติการจริง เพื่อทำการทดลองตามโจทย์ที่กำหนดให้ เช่น การไทเทรตในวิชาเคมี, การทดลองเรื่องวงจรไฟฟ้าในวิชาฟิสิกส์ หรือการใช้กล้องจุลทรรศน์ในวิชาชีววิทยา เป็นการวัดทักษะการทดลอง, การสังเกต, และการบันทึกผล
  • การสอบวัดทัศนคติและจิตวิทยา: อาจมาในรูปแบบการทำแบบทดสอบ, การทำกิจกรรมกลุ่ม, หรือการสัมภาษณ์ เพื่อดูทัศนคติต่อวิทยาศาสตร์, ความคิดสร้างสรรค์, การทำงานร่วมกับผู้อื่น, และวุฒิภาวะทางอารมณ์

สรุปแล้ว... "เก่ง" ในแบบของ MWIT คืออะไร?

  1. เก่งวิชาการ (Academic Excellence): มีความรู้ความเข้าใจในวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในระดับที่ลึกซึ้งกว่าหลักสูตรปกติ
  2. เก่งในการแก้ปัญหา (Problem Solver): เมื่อเจอโจทย์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สามารถนำความรู้พื้นฐานมาประยุกต์และหาทางแก้ปัญหาได้
  3. เก่งปฏิบัติ (Hands-on Skills): มีทักษะในการทำการทดลองและใช้อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ได้จริง
    มีความเป็นนักวิทยาศาสตร์ (Scientific Mindset): เป็นคนช่างสงสัย, มีเหตุผล, มีความคิดสร้างสรรค์, และมีความอดทนในการค้นหาคำตอบ

การเตรียมตัวสอบเข้า MWIT จึงต้องเริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ และต้องเป็นการเตรียมตัวที่ลึกกว่าการเรียนในห้องเรียนปกติ การฝึกทำโจทย์แข่งขันระดับสูง, การเข้าค่าย สอวน., และการหาความรู้นอกห้องเรียนอย่างสม่ำเสมอ คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในสนามสอบที่ท้าทายแห่งนี้ค่ะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้