GRAMMAR - หลักการเติม s/es

Last updated: 22 ก.ค. 2566  |  1601 จำนวนผู้เข้าชม  | 

GRAMMAR - หลักการเติม s/es

กฎการเปลี่ยนคำนาม รูปเอกพจน์ เป็น รูปพหูพจน์ 

1. เติม -s ที่ท้ายคำนาม (Regular Nouns):

  • ส่วนใหญ่เราสามารถเติม -s ที่ท้ายคำนามเพื่อให้กลายเป็นรูปพหูพจน์ได้เลย
  • ตัวอย่าง: cat (เอกพจน์)   cats (พหูพจน์)

 

2. เติม -es ที่ท้ายคำนาม (Regular Nouns):

  • คำนามที่ลงท้ายด้วย -s, -x, -sh, -ch ให้เติม -es ที่ท้ายคำนาม
  • ตัวอย่าง: box (เอกพจน์)   boxes (พหูพจน์)

                          wish (เอกพจน์)   wishes (พหูพจน์)

3. เปลี่ยน -y เป็น -ies ที่ท้ายคำนาม (Regular Nouns):

  • คำนามที่ลงท้ายด้วย -y และมีตัวพยัญชนะอยู่ข้างหน้าให้เปลี่ยน -y เป็น -ies
  • ตัวอย่าง: baby (เอกพจน์)   babies (พหูพจน์)

 

4. เปลี่ยน -f หรือ -fe เป็น -ves ที่ท้ายคำนาม (Irregular Nouns):

  • คำนามที่ลงท้ายด้วย -f หรือ -fe ให้เติม -ves ที่ท้ายคำนาม
  • ตัวอย่าง: leaf (เอกพจน์)   leaves (พหูพจน์)

                          knife (เอกพจน์)   knives (พหูพจน์)

5. คำบางคำที่เปลี่ยนรูปพหูพจน์โดยที่ไม่เป็นไปตามกฎ:

  • คำนามบางคำมีรูปพหูพจน์ที่ไม่ตามกฎเสมอ
  • ตัวอย่าง: man (เอกพจน์)   men (พหูพจน์)

                         woman (เอกพจน์)   women (พหูพจน์)

6. คำที่เปลี่ยนรูปเป็นพหูพจน์แบบไม่เปลี่ยนรูป (Singular and Plural Nouns are the same):

  • คำนามบางคำในภาษาอังกฤษไม่มีการเปลี่ยนแปลงในรูปพหูพจน์
  • ตัวอย่าง: sheep (เอกพจน์และพหูพจน์เหมือนกัน), deer (เอกพจน์และพหูพจน์เหมือนกัน), fish (เอกพจน์และพหูพจน์เหมือนกัน)


การเรียนรู้และฝึกฝนกฎการเติมรูปพหูพจน์ในภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญในการเข้าใจและใช้งานคำนามในที่สุด

อย่าลืม ! ทำแบบฝึกหัดเพื่อประยุกต์ใช้กฎการต่างๆ ในสถานการณ์จริง ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะในภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้เก่งกว่าเดิมได้นะ !

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้