Last updated: 12 ธ.ค. 2568 | 16 จำนวนผู้เข้าชม |
ในปี 2025 นี้ หากพูดถึงชื่อ AI ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในวงการเทคโนโลยี นอกเหนือจากค่ายยักษ์ใหญ่ฝั่งอเมริกาแล้ว ชื่อที่มาแรงแซงทางโค้งแบบสุดๆ ก็คือ "DeepSeek" (ดีพซีค) ครับ
หลายคนอาจจะเคยเห็นผ่านตาในกลุ่มโปรแกรมเมอร์ หรือเห็นคนแชร์กันว่า "ตัวนี้เขียนโค้ดเทพมาก!" แต่จริงๆ แล้ว DeepSeek คืออะไรกันแน่? มีที่มาที่ไปอย่างไร? และทำไมมันถึงกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทั่วโลกจับตามอง?
วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกทำความรู้จักกับ DeepSeek แบบม้วนเดียวจบ ตั้งแต่เทคโนโลยีเบื้องหลังไปจนถึงการใช้งานจริงครับ
DeepSeek คือ ปัญญาประดิษฐ์ประเภท Large Language Model (LLM) หรือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ ซึ่งมีความสามารถในการเข้าใจและสร้างข้อความ คล้ายคลึงกับ AI Chatbot ชื่อดังอื่นๆ ที่เรารู้จักกันดี
DeepSeek พัฒนาโดยบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติจีนชื่อ DeepSeek-AI ซึ่งเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI ขั้นสูง โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูงในต้นทุนที่เข้าถึงได้
สิ่งที่ทำให้ DeepSeek รุ่นล่าสุด (V3) โด่งดังเป็นพลุแตก ไม่ใช่แค่เพราะมันมาจากจีน แต่เพราะผลการทดสอบประสิทธิภาพ (Benchmark) ในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะ การเขียนโปรแกรม (Coding) และ คณิตศาสตร์ (Mathematics) นั้น ทำคะแนนได้สูงในระดับแนวหน้าของโลก จนทำให้นักพัฒนาและผู้ใช้งานทั่วไปต่างหันมาสนใจและทดลองใช้งานกันอย่างล้นหลาม
ทำไมบริษัทสตาร์ทอัพถึงสร้าง AI ที่เก่งระดับโลกได้? ความลับอยู่ที่สถาปัตยกรรมที่เรียกว่า Mixture-of-Experts (MoE) ครับ
ลองจินตนาการว่า AI ทั่วไปเหมือนคนที่มีสมองก้อนเดียวใหญ่ๆ เวลาคิดอะไรทีก็ต้องใช้พลังงานทั้งสมอง ทำให้กินทรัพยากรเยอะและอาจจะช้า
แต่ DeepSeek (แบบ MoE) เหมือนการรวมเอา "ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง" ตัวจิ๋วๆ หลายร้อยคนมาอยู่รวมกัน
เมื่อคุณถามเรื่อง "เขียน Python": ระบบจะปลุกเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้าน Python 2-3 คนขึ้นมาตอบ ส่วนคนอื่นๆ (เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านแต่งกลอน หรือด้านประวัติศาสตร์) ก็นอนหลับต่อไป
ข้อดีของวิธีนี้: ทำให้ DeepSeek ประมวลผลได้รวดเร็วมาก (เพราะใช้คนทำงานน้อยในแต่ละครั้ง) และประหยัดทรัพยากรการคำนวณมหาศาล แต่ยังคงความฉลาดรอบรู้ไว้ได้ครบถ้วน
นี่คือสาเหตุที่ DeepSeek สามารถให้บริการฟรีได้ เพราะต้นทุนการรันระบบของเขาต่ำกว่าโมเดลแบบเดิมๆ นั่นเองครับ
ทำไมคนถึงเลือกใช้ DeepSeek? นี่คือ 4 ความสามารถหลักที่โดดเด่นที่สุดครับ:
นี่คือจุดขายอันดับ 1 ของ DeepSeek ครับ โมเดลนี้ถูกเทรนมาด้วยข้อมูล Code มหาศาล ทำให้มันเข้าใจตรรกะการเขียนโปรแกรมอย่างลึกซึ้ง
ทำอะไรได้บ้าง: เขียนโค้ดจากศูนย์ตามสั่ง, ช่วยหาจุดผิด (Debug), แปลงภาษาโปรแกรม (เช่น จาก Java เป็น Python), อธิบายโค้ดที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย
เหมาะกับใคร: โปรแกรมเมอร์ทุกระดับ, นักเรียนสายคอมฯ, หรือคนทั่วไปที่อยากลองเขียน Script ง่ายๆ
DeepSeek มีความสามารถในการแก้ปัญหาที่เป็นขั้นเป็นตอน (Step-by-step Reasoning) สูงมาก
ทำอะไรได้บ้าง: แก้โจทย์คณิตศาสตร์ ซับซ้อน, อธิบายทฤษฎีฟิสิกส์, แก้ปัญหาเชาวน์ปัญญาที่ต้องใช้ตรรกะหลายชั้น
เหมาะกับใคร: นักเรียน/นักศึกษาที่ต้องการติวเตอร์ส่วนตัว, ครูอาจารย์
ข้อนี้ถูกใจสายนักพัฒนาและองค์กรมากครับ เพราะ DeepSeek ไม่ได้เก็บโมเดลไว้ใช้คนเดียว แต่เปิดให้ดาวน์โหลด "Weights" (มันสมองของ AI) ไปใช้งานได้
ข้อดี: นักพัฒนาสามารถนำโมเดลไปรันบนเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง (Local Run) หรือนำไปปรับปรุงต่อ (Fine-tune) ให้เหมาะกับงานเฉพาะทางได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลจะรั่วไหลออกไปภายนอก
ในขณะที่ AI ความสามารถสูงหลายตัวต้องเสียค่าสมาชิกรายเดือน แต่ปัจจุบัน DeepSeek เปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าถึงโมเดลประสิทธิภาพสูงได้ฟรี ผ่านทางหน้าเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ฐานผู้ใช้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ไม่มี AI ตัวไหนสมบูรณ์แบบครับ DeepSeek ก็มีข้อจำกัดที่ผู้ใช้ควรทราบ:
ความสามารถด้านภาษาไทย: แม้จะสามารถสื่อสารภาษาไทยได้รู้เรื่องและเข้าใจบริบทส่วนใหญ่ แต่ในแง่ของความสละสลวย การเล่นคำ หรือการเขียนงานเชิงสร้างสรรค์ (Creative Writing) ในภาษาไทย อาจจะยังดูมีความเป็น "หุ่นยนต์" อยู่บ้าง เมื่อเทียบกับ AI ที่เน้นภาษาโดยเฉพาะ
ความเป็นส่วนตัว (สำหรับผู้ใช้ทั่วไป): หากคุณใช้งานผ่านหน้าเว็บฟรี ข้อมูลการสนทนาจะถูกประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์ของ DeepSeek (ซึ่งหลักๆ อยู่ในจีน) ดังนั้น สำหรับข้อมูลที่มีความอ่อนไหวสูง เช่น รหัสผ่าน, ข้อมูลส่วนตัวลูกค้า, หรือความลับทางการค้า แนะนำให้หลีกเลี่ยงการพิมพ์ลงไปในแชท หรือเลือกใช้วิธี Local Run แทนจะปลอดภัยที่สุด
ฟีเจอร์เสริม: ปัจจุบัน DeepSeek เน้นที่การประมวลผลข้อความและโค้ดเป็นหลัก ยังไม่มีฟีเจอร์สร้างรูปภาพ (Image Generation) หรือการโต้ตอบด้วยเสียงแบบ Real-time ในตัว
DeepSeek คืออีกหนึ่งผู้เล่นสำคัญที่ก้าวเข้ามาสร้างความตื่นตัวให้กับวงการ AI ในปี 2025 ด้วยจุดเด่นด้านเทคโนโลยี MoE ที่ทำให้เก่งแต่ประหยัด และความสามารถด้านการเขียนโค้ดที่โดดเด่น
สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป นักเรียน นักศึกษา หรือโปรแกรมเมอร์ DeepSeek คือเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยทุ่นแรงและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มหาศาล ที่สำคัญคือคุณสามารถเริ่มต้นใช้งานได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
อ่านบทความต่อไป: วิธีสมัคร DeepSeek และใช้งานเบื้องต้น (จับมือทำทีละขั้นตอน)