วิธีใช้เวลา 30 นาทีติวสอบให้ได้ผล

Last updated: 13 ส.ค. 2568  |  14 จำนวนผู้เข้าชม  | 

วิธีใช้เวลา 30 นาทีติวสอบให้ได้ผล

เปลี่ยนเวลาเศษให้เป็นแต้มต่อ: วิธีใช้เวลาแค่ 30 นาทีติวสอบให้ 'ได้ผล' สูงสุด
 

"ไม่มีเวลาอ่านหนังสือเลย!" "การบ้านก็เยอะ กิจกรรมก็แยะ จะเอาเวลาที่ไหนมาทบทวน?"

นี่คือประโยคยอดฮิตของนักเรียนแทบทุกคน แต่ความจริงแล้ว ในแต่ละวันเราทุกคนต่างมี "เวลาเศษ" ซ่อนอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นช่วง 30 นาทีก่อนทานข้าวเย็น, ตอนนั่งอยู่บนรถ, หรือระหว่างรอเรียนคาบต่อไป คนที่เรียนเก่งไม่ใช่คนที่มีเวลามากกว่า แต่คือคนที่ "ใช้เวลาเศษ" เหล่านี้ได้อย่างชาญฉลาด

การติวสั้นๆ แค่ 30 นาที หากทำอย่างถูกวิธี อาจมีประสิทธิภาพมากกว่าการนั่งอ่านหนังสือแบบไร้สมาธิ 2 ชั่วโมงเสียอีก

นี่คือโครงสร้างการติวแบบ "30-Minute Power Session" ที่จะเปลี่ยนเวลาว่างสั้นๆ ของน้องๆ ให้กลายเป็นการทบทวนที่ทรงพลัง!

โครงสร้างการติวใน 30 นาทีแบบทรงพลัง
 
Phase 1: เตรียมสมอง (นาทีที่ 1-3)

Action: "ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเพียง 1 อย่าง"
อย่าคิดกว้างๆ ว่า "จะอ่านวิทย์" แต่ให้ระบุเป้าหมายที่เล็กและชัดเจนที่สุด เช่น
"จะทบทวนสูตรการเคลื่อนที่ 5 สูตรให้แม่น"
"จะทำโจทย์เรื่องสมการ 5 ข้อ"
"จะท่องศัพท์อังกฤษชุดที่ 10 ให้ได้ 15 คำ"
Why: การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำให้สมองของเราโฟกัสและไม่เสียเวลาไปกับการลังเลว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี
 
Phase 2: ลงมือทำอย่างเข้มข้น (นาทีที่ 4-25)
 
นี่คือช่วงเวลา "Deep Work" 22 นาทีที่ต้องมีสมาธิสูงสุด กฎเหล็กคือ: ห้ามมีสิ่งรบกวน! ปิดการแจ้งเตือนมือถือ หรือเอาไปเก็บไว้ห้องอื่นเลย

Action: เลือกทำ "กิจกรรมเชิงรุก" (Active Learning) เพียง 1 อย่างต่อไปนี้
- เทคนิค A: ดึงข้อมูลจากสรุป (Active Recall): ใช้เวลา 2 นาทีอ่านชีทสรุปหรือ Mind Map ของเรา จากนั้น "ปิด" มันทิ้ง แล้วใช้เวลา 20 นาทีที่เหลือในการเขียนหรือพูดทุกอย่างที่จำได้ออกมา การบังคับให้สมอง "นึก" คือการเรียนรู้ที่ดีที่สุด
- เทคนิค B: ตะลุยโจทย์แบบจับเวลา (Focused Problem Solving): ทำแบบฝึกหัดตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ (เช่น โจทย์ 5 ข้อ) โดยเน้นที่การแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง
เทคนิค C: สวมบทเป็นติวเตอร์ (The Feynman Technique): เลือก 1 คอนเซ็ปต์ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ แล้วใช้เวลา 22 นาทีนี้ในการพยายาม "สอน" เรื่องนั้นให้ตัวเองฟัง โดยใช้ภาษาที่ง่ายที่สุด การทำแบบนี้จะทำให้เรารู้ทันทีว่ายังไม่เข้าใจตรงไหน
Why: การเรียนรู้เชิงรุกทำให้สมองทำงานหนักและจดจำได้ดีกว่าการนั่งอ่านเฉยๆ (Passive Reading)
 
Phase 3: สรุปและจัดเก็บ (นาทีที่ 26-30)
 
Action: "จด 3 สิ่งสำคัญที่ได้เรียนรู้"
ใช้เวลา 5 นาทีสุดท้ายในการเขียนสรุปสั้นๆ ว่าจากการติว 30 นาทีนี้ เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง เช่น
"สูตร v = u+at ใช้เมื่อไม่รู้ค่า s"
"เรายังดุลสมการเคมีพลาดอยู่ ต้องฝึกเพิ่ม"
"จำศัพท์คำว่า 'essential' ได้แล้ว"
Why: การสรุปตบท้ายช่วย "ตอกย้ำ" ความรู้ให้เข้าไปอยู่ในความจำระยะยาว และทำให้เรารู้สึกว่าการติวครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
 
ตัวอย่างการนำไปใช้
30 นาทีบนรถ: ใช้เทคนิค B + Flashcard App ตั้งเป้าท่องศัพท์ 15 คำ ทำแบบทดสอบในแอป และทบทวนคำที่ผิด
30 นาทีก่อนนอน: ใช้เทคนิค A + ชีทสรุปชีวะ อ่าน 2 นาที แล้วเขียน Mind Map จากความจำ
ทำไมวิธีนี้ถึงได้ผล? เพราะมันใช้หลักการที่ว่า "งานจะขยายตัวให้เต็มเวลาที่มี" (Parkinson's Law) การบีบเวลาให้สั้นลงจะบังคับให้เราต้องมีสมาธิและทำในสิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆ การทำ Power Session แบบนี้วันละครั้ง (150 นาที/สัปดาห์) มีประสิทธิภาพกว่าการนั่งอ่านหนังสือแบบหมดแรง 3 ชั่วโมงในวันหยุดมากนัก

ลองหาเวลาว่าง 30 นาทีในตารางชีวิตของน้องๆ แล้วเปลี่ยนมันให้เป็นการติวที่ทรงพลังดูสิครับ!

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้